พัดลมอีแวป หรือ ระบบอีแวป (Evap) สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม
มั่นใจได้ในคุณภาพ บริการ และความเชี่ยวชาญในการทำงานอย่างมืออาชีพด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปีที่ผ่านมา
ในการแก้ไขปัญหาความร้อน ทั้งในพื้นที่เปิดและพื้นที่ปิด ให้กับโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ มากมาย
เรายืนหยัดสร้างสรรค์พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ช่วยลดการใช้พลังงาน ลดค่าไฟฟ้า เพื่อตอบสนองต่อธุรกิจ และอุตสากรรม
พัดลมอีแวป หรือ ระบบอีแวป (Evap) ดีอย่างไร?
• ลดอุณหภูมิ ได้ 5 – 15 องศา • ประหยัดกว่าแอร์ 10 เท่า • มีระบบโอโซนฆ่าเชื้อโรคในน้ำ • มีระบบทำความสะอาดอัตโนมัติ • มีระบบเตือนและตัดปั๊มเมื่อแรงดันน้ำต่ำ • ให้ปริมาณลมสูงแต่เสียงเบาด้วยใบพัดที่ออกแบบพิเศษ • เย็นขึ้นด้วยแผ่นทำความเย็นเกรด 5090 | • ควบคุมการทำงานด้วยรีโมทคอนโทรล • ตั้งเวลาเปิด – ปิด อัตโนมัติ • ใช้เงินลงทุนในการติดตั้งระบบอีแวป ต่ำกว่าการติดตั้งระบบปรับอากาศ (Air Conditioner) และประหยัดพลังงานมากกว่า ในขนาดความสามารถทำความเย็นเท่ากัน • ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาต่ำ ระบบไม่ซับซ้อน ง่ายต่อการบำรุงรักษา ไม่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้เฉพาะ | • เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปราศจากสารทำความเย็น CFC ไม่สร้างภาวะเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ ที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน • สามารถออกแบบให้อาคารเป็น Positive Pressure หรือ Negative Pressure เพื่อสร้างม่านอากาศป้องกันสิ่งเจือปนจากภายนอก • สามารถใช้งานทั้งในอาคารปิด และพื้นที่โล่งกลางแจ้ง |
พัดลมอีแวป
![]() | ![]() | ![]() | ![]() |
พัดลมอีแวป รุ่น WALL TYPE 06 | พัดลมอีแวป รุ่น MUK-18S | พัดลมอีแวป รุ่น MUK-18T/D | พัดลมอีแวป รุ่น MUK-30T/D |
ระบบอีแวป (Evap) แก้ปัญหาอากาศร้อน
ระบบอีแวป (Evap) คือ การนำอากาศจากภายนอกที่อุณหภูมิปกติ 35 – 40 องศาเซลเซียส มาผ่านอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนที่มีชื่อว่า cooling pad หรือแผงทำความเย็น โดยหลักอาศัยหลักการระเหยตัวของน้ำ ทำให้อากาศมีอุณหภูมิลดต่ำลง 5 – 15 องศาเซลเซียส จึงได้ลมเย็นไปใช้ในการปรับอากาศให้กับบริเวณที่ต้องการ เช่น ภายในโรงงานอุตสาหกรรม หรือ การลดอุณหภูมิอากาศก่อนนำไประบายความร้อนให้เครื่องจักร
ระบบอีแวป หรือระบบทำลมเย็นถูกใช้อย่างแพร่หลาย ในประเทศไทย ทั้งในอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมการประกอบชิ้นส่วน อุตสาหกรรมพลาสติก อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ใช้ในงานเกษตรกรรมและปศุสัตว์ และอื่นๆอีกมากมาย
หลักการออกแบบระบบระบายอากาศ
จะต้องคำนึงถึงการไหลเวียนถ่ายเทอากาศภายในพื้นที่ในการออกแบบระบบ จะแบ่งออกเป็น 2 แบบหลักๆ
แบบจ่ายลมเป็นจุด (Spot Air flow) | แบบระบายอากาศทั้งพื้นที่ (Free Blow) |
![]() | ![]() |
ลักษณะการออกแบบรูปแบบนี้ คำนึงถึงการปฏิบัติงานปกติของพนักงาน โดยมีจุดตำแหน่งทำงานคงที่ไม่ ประจำจุดตลอดเวลา ลักษณะนี้จะเน้นในเรื่องจุดตำแหน่งการจ่ายลมเป็นหลัก และระยะความยาวแนวเดินท่อลมจะต้องเหมาะสมกับการออกแบบและสัมพันธ์กับจุดตำแหน่งทำงานของพนักงาน | ลักษณะการออกแบบรูปแบบนี้ ต้องคำนึงถึงอัตราการระบายอากาศในพื้นที่ ( Air Change ) จำนวนครั้งใน 1 ชั่วโมง การออกแบบอัตราการระบายอากาศจะต้องออกแบบไม่น้อยกว่าค่าที่กฏหมายกำหนดไว้ อัตราการระบายอากาศยิ่งเปลี่ยนถ่ายอากาศยิ่งมากก็จะยิ่งได้อากาศใหม่ที่เข้ามาแลกเปลี่ยน Fresh Air ก็มากขึ้น ทำให้การ ระบายอากาศภายในพื้นที่ดีขึ้น ค่าแนะนำในการออกแบบควรไม่น้อยกว่า 15 Air change ต่อห้อง |
![]() | ![]() | ![]() | ![]() |
แบบระบบปิด (Close system) | แบบจ่ายลมเป็นจุด (Spot Air flow) | แบบระบายอากาศทั้งพื้นที่ (Free Blow) | แบบเคลื่อนที่ (Mobile unit) |
• ระบบระบายอากาศด้วยวิธีระเหยน้ำ (ระบบปิด) • เหมาะสำหรับการปรับอากาศในพื้นที่โล่ง • อาคารขนาดใหญ่ที่มีแหล่งกำเนิดความร้อนสูง • สถานที่ที่มีคนจำนวนมาก • มีต้นทุนในการติดตั้งถูก • ประหยัดค่าไฟฟ้ารายเดือน เพราะ ใช้กระแสไฟฟ้าเพียง 5% ของระบบปรับอากาศแบบใช้คอมเพรสเซอร์ | • ระบบระบายอากาศด้วยวิธีระเหยน้ำ (เฉพาะจุด) • เหมาะสำหรับโรงงานที่มีตำแหน่งการทำงานของพนักงานเป็นจุดประจำ และยาวต่อเนื่อง • การส่งลมเย็นจะสามารถต่อท่อลมไปได้ตามความต้องการ • เป็นการนำอากาศบริสุทธิ์จากภายนอกส่งเข้าไปทำความเย็นในอาคาร • ถ่ายเทอากาศร้อนออกไปนอกอาคาร | • ระบบระบายอากาศด้วยวิธีระเหยน้ำ (ระบบปิด) • เหมาะสำหรับการปรับอากาศในพื้นที่โล่ง • อาคารขนาดใหญ่ที่มีแหล่งกำเนิดความร้อนสูง สถานที่ที่มีคนจำนวนมาก มีต้นทุนในการติดตั้งถูก และใช้กระแสไฟฟ้าเพียง 5% ของระบบปรับอากาศแบบใช้คอมเพรสเซอร์ | • ระบบระบายอากาศด้วยวิธีระเหยน้ำ (แบบเคลือนที่) • เหมาะสำหรับร้านอาหาร งานแสดงสินค้า หรือพื้นที่กลางแจ้งที่เครื่องปรับอากาศทำงานไม่ได้ • ตัวเครื่องจะทำหน้าที่นำพาอากาศเข้ามาเพื่อลดอุณหภูมิทำให้อากาศเย็นลงจากนั้นจะส่งอากาศเย็นออกจากตัวเครื่อง |
หลักการทำงานของระบบอีแวป
![]() | ระบบอีแวป (Evaporative Cooling Systems) จะมีแผ่นคูลลิ่งแพด(Cooling Pad) หรือแผงทำความเย็น ซึ่งมีน้ำที่ถูกฉีดโดยปั๊มน้ำไหลผ่านทั่วแผ่นอยู่ภายใน เมื่อลมไหลผ่านแผ่นคูลลิ่งแพด (Cooling Pad) ที่เปียกน้ำ ลมที่มีความร้อนปะปนมาจะทำปฏิกริยากับน้ำ ซึ่งมีอุณหภูมิที่เย็นกว่า ทำให้ความร้อนจะระเหยออกไปในระดับนึง เป็นเหตุให้อุณหภูมิลดลงได้ 5-15 องศาเซลเซียส ขึ้นอยู่กับความแตกต่างของอุณหภูมิของน้ำและอากาศหรือลมร้อนที่ไหลผ่านแผ่นคูลลิ่งแพด แล้วพัดลมขนาดใหญ่จะส่งลมเย็นไปยังเป้าหมายที่ต้องการ ดังนั้น ระบบอีแวป (Evaporative Cooling Systems) จึงสามารถลดอุณหภูมิ และส่งกระแสลมเย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยหลักการดังกล่าว |